วันที่ 3 ธ.ค.63 ที่ห้องประชุมโรงแรมดีวารี จอมเทียนบีช จ.ชลบุรี กรมเจ้าท่าได้จัดการประชุมสัมนา การท่องเที่ยววิถีใหม่ชายหาดยั่งยืนโครงการเสริมทรายชายป้องกันการ กัดเซาะชายหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี ระยะที่ 1 โดยมีนายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยนายบรรลือ กุลละวณิชย์รองนายกเมืองพัทยา และนายสมพงษ์ สายนภา นายกเทศมนตรีตำบลนาจอมเทียน พร้อมทั้งตัวแทนภาครัฐ เอกชน ประชาชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เข้าร่วม

ขอขอบพระคุณวีดีโอจาก Youtube : The Pattaya News
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่าชายหาดพัทยามีการกัดเซาะ ซึ่งในอนาคตชายหาดจดหายหมดไป ซึ่งหลังจากที่กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยาในระยะทาง 2.8 กม. ตั้งแต่ชายหาดพัทยาเหนือถึงชายหาดพัทยาใต้จนแล้วเสร็จ ทำให้มีหน้าหาดขยายมากขึ้นถึง 30 เมตร ซึ่งสามารถใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากมาย และผ่านมาในระยะเวลาประมาณปีกว่าแล้วก็ยังไม่พบว่าเกิดการกัดเซาะหน้าหาดพัทยา ถือได้ว่าเป็นการเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่กรมเจ้าท่าดำเนินการจนเกิดเป้าหมายเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ในส่วนของชายหาดจอมเทียน เป็นชายหาดที่มีความยาวประมาณ 6 กม. กิน 2 พื้นที่คือ เมืองพัทยาและเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ทางกรมเจ้าท่าได้ดำเนินการโครงการเสริมทรายชายหาดป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี ระยะที่ 1 เป็นโครงการที่ 2 หลังจากความสำเร็จในโครงการแรกที่เสริมทรายชายหาดพัทยา เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายหาด เป็นการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวตามยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี ด้านการท่องเที่ยวและการสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ
สำหรับโครงการเสริมทรายชายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี ระยะที่ 1 นี้ กรมเจ้าท่าได้จัดสรรงบประมาณรวม 586,047,000 บาท ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการหาแหล่งทราย ซึ่งได้แหล่งทรายบริเวณทิศตะวันตกของเกาะรางเกวียน ที่ห่างจากเมืองพัทยาไปประมาณ 15 กม. ซึ่งเป็นแหล่งทรายเดียวกันที่ได้จัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา และนำมาเสริมบริเวณชายหาดจอมเทียนในเฟสที่ 1 โดยจะดำเนินการเสริมทรายตั้งแต่ตั้งแต่บริเวณร้านครัวลุงไสวมาจนถึงซอย 11 ถนนเลียบชายหาดนาจอมเทียน รวมระยะชายหาดประมาณ 3.575 กม.
โดยเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.63-15 พ.ย.65 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 900 วัน หรือประมาณ 2 ปีหลังจากนี้จะเห็นโครงการเป็นรูปธรรม รวมปริมาณทรายทั้งสิ้น 6.4 แสน ลบ.ม.
No responses yet